นโยบายความเป็นส่วนตัวสำหรับคู่ธุรกิจและผู้เกี่ยวข้อง

บริษัท อินเตอร์ วอเตอร์ ทรีทเม้นท์ จำกัด  (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “บริษัทฯ” “เรา” หรือ “ของเรา”) ให้ความสำคัญเและ เคารพสิทธิความเป็นส่วนตัวของคู่ธุรกิจ ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา กรรมการของคู่ธุรกิจที่เป็นนิติบุคคล รวมถึงผู้ปฏิบัติงาน และพนักงานของคู่ธุรกิจ (รวมเรียกว่า “ท่าน”) และเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าท่านได้รับความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทฯ จึงได้จัดทำนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ขึ้น เพื่อแจ้งให้ทราบถึงรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวม การใช้ และการเปิดเผย (รวมเรียกว่า “การประมวลผล”) รวมตลอดถึงการลบและทำลาย ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านทั้งช่องทางออนไลน์ และช่องทางอื่น ๆ ตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด ดังนี้

  1. วัตถุประสงค์การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
    1. เพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของคู่ธุรกิจก่อนเข้าทำสัญญาหรือเพื่อปฏิบัติตามสัญญาซึ่งคู่ธุรกิจเป็นคู่สัญญากับ บริษัท อินเตอร์ วอเตอร์ ทรีทเม้นท์ จำกัด
    2.  เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯหรือของบุคคลอื่น
      1. เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการตามสัญญาระหว่างคู่ธุรกิจกับบริษัทฯ และบริษัทฯประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อการจัดซื้อ จัดจ้าง ตรวจรับ ชำระค่าสินค้าและบริการ บริหารจัดการความสัมพันธ์ ตรวจสอบและประเมินการทำงานตามข้อตกลงที่กำหนดไว้ในใบสั่งซื้อหรือสัญญาหรือเอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง รวมถึงการบริหารจัดการความสัมพันธ์กับท่าน
      2.  เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ เช่น เพื่อการบริหารจัดการภายในของบริษัท การจัดการ การพัฒนา และการดำเนินการใด ๆ เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจได้ ซึ่งรวมถึงการบริหารจัดการและพัฒนาสินค้า และ/หรือ บริการ (รวมถึงเว็บไซต์ และแอปพลิเคชัน) การวิจัย เช่น ทำแบบสอบถาม เข้าสัมภาษณ์ การตรวจสอบและป้องกันการฉ้อโกง หรืออาชญากรรมอื่น ๆ และการบำรุงรักษาระบบสารสนเทศ
      3.  เพื่อประโยชน์ทางด้านความปลอดภัย เช่น จัดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัย ซึ่งรวมถึงระบบไอที สารสนเทศ เช่น การเข้าสถานที่ของบริษัท การเข้าสู่ระบบ (Log in) เข้าเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน
      4. เพื่อการแจ้งข่าวสารและสิทธิประโยชน์ผ่านทาง หนังสือ อีเมล เอสเอ็มเอส แอปพลิเคชันบนโซเชียลมีเดีย โทรศัพท์ ไดเร็กเมล และช่องทางอื่นๆ
      5. เพื่อการใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย
  1. เพื่อป้องกันและระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของท่านหรือบุคคลอื่น เช่น การติดต่อในกรณีฉุกเฉิน การควบคุมและป้องกันโรคติดต่อ
  2. เพื่อให้สามารถปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น การปฏิบัติตามบทบัญญัติของกฎหมาย กฎระเบียบ และคำสั่งของผู้ที่มีอำนาจตามกฎหมาย
  3. เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัทฯ หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้
  4. กรณีที่ท่านให้ความยินยอมบริษัทฯ จะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ตามวัตถุประสงค์กำหนดไว้ในแต่ละความยินยอม ดังนี้
    1. เพื่อให้บริษัทฯดำเนินการจัดกิจกรรมนอกจากที่กล่าวมาข้างต้น โดยบริษัทฯอาจเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพิ่มเติม ซึ่งบริษัทฯจะแจ้งให้ทราบและขอความยินยอมจากท่านใหม่เป็นคราว ๆ ไป

  ทั้งนี้ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับความยินยอมได้ในข้อ 3

  1. ข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม
    1. บริษัทฯ เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเมื่อคู่ธุรกิจติดต่อ ขายสินค้า หรือให้บริการใด ๆ แก่บริษัทฯ เช่น 
      1. ข้อมูลนามบัตร เช่น ชื่อ - นามสกุล, ตำแหน่งงาน, เบอร์โทรศัพท์, อีเมล, Line ID, Facebook
      2. ข้อมูลที่ใช้ในการยืนยันตัวตนได้ เช่น ชื่อ-นามสกุล, เลขที่และข้อมูลบนบัตรประชาชน, รูปถ่าย, และข้อมูลในรูปแบบต่าง ๆ ที่ใช้ในการระบุตัวตน
      3. ข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของท่าน เช่น ข้อมูลประวัติและการปฏิบัติงาน, ข้อมูลเกี่ยวกับการจ้างงาน และข้อมูลเพื่อการบริหารจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานของท่าน รวมทั้งข้อมูลบัญชีและการเงินเช่น ค่าตอบแทน, หมายเลขบัญชีธนาคาร
  1. เมื่อท่านเข้ามาในบริเวณพื้นที่ของบริษัทฯ เช่น โชว์รูม สโตร์ โรงงาน หรือพื้นที่ส่วนอื่นๆ บริษัทฯอาจเก็บภาพของท่านโดยใช้กล้องโทรทัศน์วงจรปิด ทั้งนี้ บริษัทไม่ได้เก็บข้อมูลเสียงผ่านทางกล้องโทรทัศน์วงจรปิด และบริษัทจะติดป้ายแจ้งให้ท่านทราบว่ามีการใช้กล้องโทรทัศน์วงจรปิดในบริเวณพื้นที่ของบริษัท
  2. เมื่อท่านติดต่อบริษัทฯหรือร่วมกิจกรรมใด ๆ กับบริษัทฯ บริษัทฯอาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล ดังนี้
    1. ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ-นามสกุล, วันเดือนปีที่เกิด, รูปถ่าย, หมายเลขบัตรประชาชน, หมายเลขใบขับขี่, หมายเลขหนังสือเดินทาง, Line ID, Facebook 
    2. ข้อมูลการติดต่อ เช่น อีเมล, เบอร์โทรศัพท์, ที่อยู่ หรือข้อมูลโซเชียลมีเดีย
    3. ข้อมูลเกี่ยวกับการร่วมกิจกรรม เช่น ประวัติการร่วมกิจกรรมในครั้งก่อน ๆ 
  3. บริษัทฯอาจมีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลชนิดพิเศษตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด เพื่อใช้งานตามวัตถุประสงค์ที่บริษัทฯแจ้งไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ เช่น
    1. เมื่อบริษัทฯจำเป็นต้องใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อประโยชน์ในการรักษาความปลอดภัยของบริษัทฯ เช่น ข้อมูลชีวภาพ (เช่น ข้อมูลใบหน้าสำหรับใช้ในการทำ facial recognition หรือลายนิ้วมือ) เพื่อใช้ในการระบุตัวตน
    2. ในบางกรณี บริษัทฯอาจเก็บข้อมูลส่วนบุคคลชนิดพิเศษ เช่น บริษัทฯอาจจำเป็นต้องใช้บัตรประชาชนซึ่งมีข้อมูลศาสนาของท่านเพื่อใช้ในการยืนยันตัวตนของท่านหรือดำเนินการทางภาษี
    3. ข้อมูลสุขภาพ เช่น ข้อมูลการแพ้อาหาร เพื่อใช้ในการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ
  4. ในกรณีที่จำเป็น บริษัทฯจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลชนิดพิเศษของท่านโดยได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่านหรือเพื่อวัตถุประสงค์อื่นตามที่กฎหมายกำหนดไว้เท่านั้น ทั้งนี้ บริษัทฯจะใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดในการจัดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เพียงพอเพื่อปกป้องคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลชนิดพิเศษของท่าน

 

  1. การขอความยินยอมและผลกระทบที่เป็นไปได้จากการถอนความยินยอม
  1. ในกรณีที่บริษัทฯเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโดยอาศัยความยินยอมของท่าน ท่านมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมของท่านที่ให้ไว้กับบริษัทฯได้ตลอดเวลา ซึ่งการถอนความยินยอมนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย หรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไปแล้ว
  2. หากท่านถอนความยินยอมที่ได้ให้ไว้กับบริษัทฯหรือปฏิเสธไม่ให้ข้อมูลบางอย่าง อาจส่งผลให้บริษัทฯไม่สามารถดำเนินการเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์บางส่วนหรือทั้งหมดตามที่ระบุไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ได้

 

  1. ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
    1. บริษัทฯจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามประเภทข้อมูลส่วนบุคคลแต่ละประเภท เว้นแต่กฎหมายจะอนุญาตให้มีระยะเวลาการเก็บรักษาที่นานขึ้น ในกรณีที่ไม่สามารถระบุระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลได้ชัดเจน บริษัทฯจะเก็บรักษาข้อมูลไว้ตามระยะเวลาที่อาจคาดหมายได้ตามมาตรฐานของการเก็บรวบรวม (เช่น อายุความตามกฎหมายทั่วไปสูงสุด 10 ปี)
    2. กรณีกล้องโทรทัศน์วงจรปิด บริษัทฯจะเก็บข้อมูล
      1. ในสถานการณ์ปกติ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอาจถูกเก็บไว้เป็นเวลา 30 วัน
      2. ในกรณีจำเป็น เช่น กรณีที่จำเป็นต้องใช้เป็นหลักฐานในการสืบสวน สอบสวน หรือการดำเนินคดี หรือกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลร้องขอ ข้อมูลส่วนบุคคลอาจถูกเก็บรักษาไว้เกินกว่า 30 วันและบริษัทฯจะดำเนินการลบข้ออมูลดังกล่าวอย่างปลอดภัยเมื่อเสร็จสิ้นวัตถุประสงค์นั้น ๆ แล้ว
    3. บริษัทฯจัดให้มีระบบการตรวจสอบเพื่อดำเนินการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาการเก็บรักษาหรือที่ไม่เกี่ยวข้องหรือเกินความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้น บริษัทฯจัดให้มีระบบการตรวจสอบเพื่อดำเนินการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาการเก็บรักษาหรือที่ไม่เกี่ยวข้องหรือเกินความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
    4. กรณีที่บริษัทฯใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยขอความยินยอมจากท่าน บริษัทฯจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจนกว่าท่านจะแจ้งขอยกเลิกความยินยอมและบริษัทฯดำเนินการตามคำขอของท่านเสร็จสิ้นแล้ว อย่างไรก็ดี บริษัทจะยังเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่จำเป็นสำหรับบันทึกเป็นประวัติว่าท่านเคยยกเลิกความยินยอม เพื่อให้ บริษัทฯสามารถตอบสนองต่อคำขอของท่านในอนาคตได้ 

 

  1. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้บุคคลอื่น
    1. บริษัทฯเปิดเผยและแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลของท่านกับ บุคคลและนิติบุคคลอื่นที่ไม่ได้เป็นบริษัทในกลุ่มของบริษัท (“บุคคลอื่น”) เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์การเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ระบุไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ เช่น ผู้แทนจำหน่าย ผู้ให้บริการด้านการขนส่ง (เช่น ไปรษณีย์) ผู้ให้บริการเกี่ยวกับธุรกรรมและการเงิน (เช่น ธนาคาร บริษัทรับชำระเงินแทน) ผู้ให้บริการทางด้านเทคโนโลยี (เช่น ระบบคลาวด์ ระบบบล็อคเชน บริการส่งเอสเอ็มเอส) บริการ data analytics) ผู้ให้บริการจัดทำโปรแกรมและระบบไอทีต่าง ๆ ผู้ตรวจสอบ บริษัทประกัน ที่ปรึกษา หน่วยงานของรัฐ (เช่น กรมสรรพากร สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน) และบุคคลอื่นที่จำเป็นเพื่อให้บริษัทสามารถดำเนินธุรกิจและให้บริการแก่ท่าน รวมถึงดำเนินการใด ๆ ตามวัตถุประสงค์การเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ระบุไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้
    2. บริษัทฯจะกำหนดให้ผู้ที่ได้รับข้อมูลจากบริษัทฯมีมาตรการปกป้องข้อมูลของท่านอย่างเหมาะสมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจโดยมิชอบ 

 

  1. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ
    1. บริษัทฯอาจส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบริษัทฯในเครือหรือบุคคลอื่นในต่างประเทศในกรณีที่จำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญา หรือเป็นการกระทำตามสัญญาระหว่างบริษัทฯกับบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นเพื่อประโยชน์ของท่านหรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนเข้าทำสัญญา หรือเพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของท่านหรือบุคคลอื่น เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย หรือเป็นการจำเป็นเพื่อดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะที่สำคัญ
    2. บริษัทฯอาจเก็บข้อมูลของท่านบนคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์หรือคลาวด์ที่ให้บริการโดยบุคคลอื่น และอาจใช้โปรแกรมหรือแอปพลิเคชันของบุคคลอื่นในรูปแบบของการให้บริการซอฟท์แวร์สำเร็จรูปและรูปแบบของการให้บริการแพลตฟอร์มสำเร็จรูปในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน แต่บริษัทฯจะไม่อนุญาตให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลได้ และจะกำหนดให้บุคคลอื่นเหล่านั้นต้องมีมาตรการคุ้มครองความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม
    3.  ในกรณีที่มีการส่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ บริษัทฯจะปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและใช้มาตรการที่เหมาะสมเพื่อทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะได้รับการคุ้มครองและท่านสามารถใช้สิทธิที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ตามกฎหมาย รวมถึงบริษัทฯจะกำหนดให้ผู้ที่ได้รับข้อมูลมีมาตรการปกป้องข้อมูลของท่านอย่างเหมาะสมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลอื่นใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจโดยมิชอบ
  1. มาตรการความปลอดภัยสำหรับข้อมูลส่วนบุคคล
    1. ความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นสิ่งสำคัญสำหรับบริษัทฯและบริษัทฯได้นำมาตรฐานความปลอดภัยทางเทคนิคและการบริหารที่เหมาะสมมาใช้เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลจากการสูญหาย การเข้าถึงการใช้หรือการเปิดเผยโดยไม่ได้รับอนุญาต การใช้งานในทางที่ผิด การดัดแปลงเปลี่ยนแปลง และการทำลายโดยใช้เทคโนโลยีและขั้นตอนการรักษาความปลอดภัย เช่น การเข้ารหัสและการจำกัดการเข้าถึง เพื่อให้มั่นใจว่าบุคคลที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นที่เข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและบุคคลเหล่านี้ได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับความสำคัญของการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล
    2. บริษัทฯจัดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลจากผู้ที่ไม่มีสิทธิหรือหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลนั้น และจะจัดให้มีการทบทวนมาตรการดังกล่าวเมื่อมีความจำเป็นหรือเมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไปเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสม 

 

  1. สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

ท่านมีสิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สรุปได้ดังนี้

  1. ถอนความยินยอมที่ท่านได้ให้ไว้กับบริษัทฯในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
  2. ขอดูและคัดลอกข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือขอให้เปิดเผยที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
  3. ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลที่อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น
  4. คัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่าน
  5. ลบหรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของท่านได้ (anonymization)
  6. ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
  7. แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
  8. ร้องเรียนต่อคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีที่บริษัทฯหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล รวมทั้งลูกจ้างหรือผู้รับจ้างของบริษัทหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

ทั้งนี้ บริษัทฯจะพิจารณาและแจ้งผลการพิจารณาตามคำร้องขอใช้สิทธิของท่านโดยเร็วภายใน 30 วันนับแต่วันที่บริษัทฯได้รับคำร้องขอดังกล่าว และสิทธิตามที่กล่าวมาข้างต้นเป็นไปตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

 

  1. ติดต่อบริษัท

ในกรณีที่ท่านมีข้อสงสัย ข้อเสนอแนะ หรือข้อติชม เกี่ยวกับนโยบายฉบับนี้ หรือต้องการขอใช้สิทธิของท่าน ท่านสามารถติดต่อบริษัทฯ หรือเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ผ่านช่องทางดังนี้

  • หมายเลขโทรศัพท์: 043-394-252-5
  • อีเมล : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

กรณีที่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ บริษัทจะประกาศนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับใหม่ผ่านทางเว็บไซต์นี้ ซึ่งท่านควรเข้ามาตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัวเป็นครั้งคราว โดยนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับใหม่จะมีผลบังคับใช้ทันทีในวันที่ประกาศ